ซาอุดีอาระเบีย ครองแชมป์เอเชีย ความยิ่งใหญ่ที่อาจกลายเป็นปัญหา

อัล-อะห์ลี สโมสรดังจากซาอุดีอาระเบีย ผงาดคว้าแชมป์ AFC Champions League Elite เป็นครั้งแรก หลังเอาชนะ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จากญี่ปุ่น 2-0 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 60,000 คนในเมืองเจดดาห์ โดย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเล่นในลีกซาอุฯ เพราะโควต้านักเตะต่างชาติ เติบโตกลับมาทำผลงานยอดเยี่ยมในเวทีเอเชีย คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ไปครอง
ในทีมยังมี ริยาด มาห์เรซ และ ฟรองค์ เกสซีเย่ อดีตแข้งดังจากยุโรป ขณะที่ มาติอัส ไยส์เลอ โค้ชวัย 37 ปีของทีม แม้เคยมีข่าวจะถูกปลด ก็พาทีมจากลีกรองในอดีตสู่จุดสูงสุดของทวีปในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ความสำเร็จของอัล-อะห์ลี เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลเอเชีย หลังจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุฯ (PIF) เข้าถือหุ้นสโมสรใหญ่หลายทีมและทุ่มเงินกว่า 800 ล้านปอนด์ดึงนักเตะระดับโลกเข้าร่วมลีก สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทวีป
แม้จะช่วยยกระดับการแข่งขันและเพิ่มความสนใจ แต่การที่ทีมจากซาอุฯ ครองความได้เปรียบทั้งในสนามและนอกสนาม โดยเฉพาะการได้เล่นรอบน็อกเอาต์ในบ้านตลอด รวมถึงระบบใหม่ที่ลดจำนวนทีมลง กลับสร้างความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น กวางจู เอฟซี จากเกาหลีใต้ ที่ต้องเดินทางกว่า 20 ชั่วโมงมาเล่นเกมเดียวกับทีมที่มีงบสูงกว่าถึง 30 เท่า และพ่ายไป 7-0
ถึงเวลาที่ AFC ต้องกลับมาทบทวนรูปแบบการแข่งขันอีกครั้ง เพื่อให้ฟุตบอลเอเชียเติบโตอย่างยั่งยืน และไม่กลายเป็นเวทีที่มีเพียงผู้ชนะจากซาอุฯ เท่านั้น

